-----หัวใจของการทำฟันนอกจากผลงานที่ดีของคุณหมอฟันแล้วนั้น  บางครั้งการทำฟันโดยที่คนไข้ไม่เจ็บ และมีความกังวลใจน้อยที่สุด ก็เป็นศาสตร์และศิลป์ ยาชาที่ใช้ทางทันตกรรม ประกอบด้วย ตัวยาที่ทำให้ชา เช่น Mepivacaine หรือ Articaine แล้วนั้น สารอื่น ๆ เช่น Adrenaline และสารทำให้เกิดภาวะเป็นกลาง เมื่อได้ผสมส่วนต่าง ๆ แล้ว จะมีการทำ Sterilization ตัวยาชาก่อนการบรรจุในหลอดแก้ว แล้วปิดที่ด้านก้นหลอด ผนึกด้วยยาง Silicone ชนิดพิเศษ ที่มีความยืดหยุ่นได้ดี หลังจากนั้นจะถูกบรรจุในภาชนะ เช่น พลาสติกใส หรือกล่อง แล้วทำการ sterilization อีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำให้มั่นใจในการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์

ขั้นตอนการฉีดยาชามีดังนี้
ถามประวัติคนไข้ เรื่อโรคประจำตัวต่างๆ ที่เป็นอยู่ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
-อธิบายงานที่กำลังจะลงมือทำ เพื่อที่จะลดความกังวล หรือกลัว
-ฉีดยาอย่างช้าๆ 
-หลังการฉีดยาคนไข้จะได้พักสักระยะก่อนการรักษาในขั้นอื่น เพื่อลดความเครียดที่เกิดขึ้น 

การฉีดยาชาแล้วไม่ชา โดยทั่วไปมักเกิดจาก
- ตำแหน่งของการฉีดยา ไม่ตรง หรือใกล้กับเส้นประสาทฟัน
- กรณีที่มีถุงหนอง หรืออาการอักเสบอยู่บางครั้งยาชาอาจไม่สามารถเข้าไปสู่เนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้ ซึ่งทำให้การชาไม่สมบูรณ์

คนไข้ทุกคนกลัวการฉีดยาชา ภาวะนี้จะเกิดขึ้นมากน้อยแตกต่างกัน หมอฟันจะสังเกต ปฏิกิริยาของคนไข้พิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่รีบเร่งทำการรักษาให้เสร็จ ในขณะที่คนไข้เกร็ง กลัวหรือไม่พร้อม จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า “คนไข้ที่เป็นลมจากยาชามีโอกาสน้อยมาก” ส่วนใหญ่เกิดจากการกลัว! ภายหลังการรักษาฟันทุกครั้ง คนไข้ควรนั่งพักที่คลินิกก่อนกลับบ้าน ประมาณ 10 – 20 นาทีเพื่อให้เกิดการคลายความเครียดและความกลัว

คนไข้เป็นลม หลังการฉีดยาชา ไม่ต้องกังวล ทันตแพทย์สามารถแก้ไขได้โดย
-ให้คนไข้นอนราบ อยู่ในท่าที่สบาย
-วัดความดันหรือการเต้นของหัวใจ ซึ่งปกติแล้วถ้าคนไข้ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ภาวะปกติกลับมาภายในเวลา 10-15นาที 
-หมอจะใช้ผ้าเย็นค่อยๆเช็ด และสังเกตอาการตลอดเวลา
- ในกรณีที่ภาวะเรื่องการเต้นหัวใจผิดปกติ ซึ่งเต้นเร็วหรือช้ามาก หรือไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ควรแจ้งให้หมอทราบ